มหาพุทธคุณ พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ยอดขุนพล ฐานสิงห์ 3 ชั้น “พิเสส ถวาย ร.๔ ร.ศ.๘๔” ปี ๒๔๐๘
-มหาพุทธคุณ (อำนาจ-แคล้วคลาด-คงกระพัน-เมตตามหานิยม-อธิษฐานได้ดั่งใจหวัง)
-คุณพ่อกับผมได้พบประสบการณ์จากพุทธคุณของเจ้าประคุณสมเด็จโต รวมถึงมีผู้ศรัทธาที่บูชาพระพิมพ์นี้ไปด้วยเช่นกันครับ (มีเล่าประสบการณ์ไว้ข้างใต้)

ข้อมูลพระพิมพ์นี้
-ความพิเศษคือมีเส้นเกศาที่องค์พระ และจากที่ค้นคว้าหาข้อมูลจากหอสมุดแห่งชาติพบว่า เจ้าประคุณสมเด็จโตได้นำเกศาของท่านผสมในการสร้างพระสมเด็จด้วย
-พระพิมพ์นี้ได้เคยลงหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เมื่อปี 2516 พร้อมจัดทำเป็นหนังสือไว้ของ คุณวิมล ยิ้มละมัย (ชื่อหนังสือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี)/ ตามภาพที่แนบ
-พระพิมพ์นี้ได้ผ่านการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์จากศูนย์พระเครื่องสมเด็จโตอมะตะสยาม มีนบุรี พร้อมใบเกียรติบัตร (ตามภาพที่แนบ)
-พระพิมพ์นี้ได้ผ่านการตรวจสอบกับชมรมพระเบญจภาคีฯ พร้อมใบเกียรติบัตร
-พระพิมพ์นี้อาจารย์กล้า เกษสุรินทร์ชัย (เซียนพระสมเด็จฯ) ได้กรุณาส่องกล้องและเซ็นต์ชื่อไว้ที่รูปภาพ โดยกล่าวว่าสมเด็จโตเป็นผู้จัดสร้างไว้ในวาระสร้างเจดีย์นอน (ตามภาพที่แนบ)
-พระพิมพ์นี้หนังสือ “เปิดกรุพระเครื่อง” ได้ลงไว้ (ตามภาพที่แนบ)
-เป็นพิมพ์พระที่มีพุทธศิลป์ที่สวยงามและแฝงด้วยความหมาย คือ ถ้าท่านลากเส้นจากสามเหลี่ยมที่ครอบพระประธานไว้ทั้ง 2 ด้าน ลงมาที่ฐานชั้นสุดท้ายของฐานสิงห์ จะมองเห็นเป็นรูปเจดีย์อย่างลงตัวและสวยงามมาก (ตามภาพที่แนบ)
-และที่สำคัญผมได้นำพระพิมพ์นี้ไปตรวจสอบกับเครื่อง “ฟลูออเรสเซ็นต์สแกน” ซึ่งมีเทคโนโลยีที่สูงมาก(มูลค่าเครื่องสแกน 6 ล้านบาท) เพื่อตรวจหาแร่ธาตุ-มวลสารทั่วไป โดยยึดหลักที่ว่าจะต้องมี ”ธาตุ 5 ตัว” หลักเท่านั้น ทางศูนย์พระถึงจะออกใบตรวจรับให้ คือ
1. Calcium คือ ปูนเปลือกหอย
2. Silicon คือ ดิน 7 โป่ง 7 ป่า
3. Scandium คือ ดิน 7 โป่ง 7 ป่า
4. Ilon คือ แร่เหล็ก
5. Strontium คือ เหล็กไหลไพรดำ

ที่มาของการเก็บสะสม
-จนถึงณ.ปัจจุบัน พระพิมพ์นี้อยู่กับคุณพ่อมากว่า 70 ปี
-จากที่เป็นคนพื้นเพจังหวัดนครปฐม ซึ่งมีวัดและพระเกจิที่เข้มขลังและโด่งดังมากมาย จึงได้เริ่มศึกษา-สะสมพระเครื่องพร้อมกับคุณอาตั้งแต่ปี 2488 เป็นต้นมา (คุณพ่อเกิดปี 2470)
-สืบเนื่องจากที่ทำการค้าขายเสื้อผ้าและเครื่องสำอาง ก็จะเดินทางไปทั่วทุกภาคและค้างแรมตามจังหวัดต่างๆ ในช่วงนี้เองจึงทำให้ได้เก็บสะสมพระเครื่องของพระเกจิต่างๆมากมายตามจังหวัดที่ได้ผ่านและพักค้างแรม
-หลังจากที่มีครอบครัวก็ย้ายมาอยู่กรุงเทพ แต่ก็ยังเดินทางค้าขายไปทั่วทุกภาคอยู่กว่า 10 ปี
-ใครที่ศึกษา-สะสมพระเครื่องก็ต้องได้รับรู้ถึงเกียรติคุณของสมเด็จโต ซึ่งคุณพ่อจะพูดถึงพระสมเด็จวัดระฆังอยู่เป็นประจำ ในช่วงที่อยู่กรุงเทพยิ่งทำให้ได้ศึกษาและสะสมพระสมเด็จของท่านได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น
-ในช่วงนี้เองคุณพ่อจะไปวัดระฆังกราบหลวงปู่นาค-หลวงปู่หิน วัดระฆัง อยู่เป็นประจำ ซึ่งอายุท่านทั้งสองจะมากกว่าคุณพ่อ 43 ปี และ 28 ปี

ประสบการณ์ที่ได้พบจากพุทธคุณของเจ้าประคุณ
-ช่วงที่คุณพ่ออายุประมาณ 40กว่า ได้ไปประมูลสินค้าที่ท่าเรือคลองเตยและได้มีปากเสียงกับผู้ที่มาประมูลด้วย ผู้นั้นได้ถือมีดและจะทำร้าย แต่พ่อได้วิ่งหนี้ซึ่งเขาก็ยังวิ่งตามมาฟันจนพ่อได้รับบาดเจ็บที่มือ ในขณะนั้นเองคุณพ่อได้หันไปเห็นไม้ท่อนหนึ่งพิงอยู่กำแพง จึงได้หยิบมาและฟาดไปที่ผู้นั้นจนบาดเจ็บเย็บไปกว่า30เข็ม (คุณพ่อบอกว่า แปลกใจมากว่าตรงจุดนั้นไม่น่าจะมีไม้ท่อนนั้นที่เหมาะมือวางอยู่ได้)

-สำหรับตัวผมเอง เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2564 อายุก็ 60 ปีพอดี ได้มีปัญหาตาพล่ามัวกระทันหัน จึงได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาด้วยเครื่องอุลตร้าซาวด์ พบว่ามีเส้นเลือดตีบ 70%ที่คอด้านซ้าย ซึ่งคุณหมอแจ้งว่าต้องรีบดำเนินพบหมอศัลยกรรมและผ่าตัดด่วน แต่ก่อนอื่นต้องตรวจด้วย CT SCAN เพื่อความแน่ชัด ในช่วงที่กลับมาทำใจและเตรียมตัว ผมได้อธิษฐานกับเจ้าประคุณสมเด็จโตว่า ขอให้การตรวจ CT SCAN ของข้าพเจ้าปลอดภัยและหลอดเลือดไม่ตีบตันด้วยเทอญ (วันที่ฟังผลตรวจคุณหมอบอกว่า ดีใจด้วยครับคุณลุงเส้นเลือปกติดีทุกอย่างครับ)

-สำหรับผู้ศรัทธาท่านหนึ่งเป็นวิศวกรโยธาได้เช่าพระพิมพ์นี้ไปเมื่อกลางปี 2565 ก่อนเช่าท่านได้นำรูปภาพพระพิมพ์นี้ให้รองเจ้าอาวาสวัดอินทรวิหารได้เพ่งจิต และท่านบอกว่ามีพุทธคุณ ท่านจึงได้เช่าไปบูชาขึ้นคอ และได้ขับรถเดินทางไปทำงานที่จังหวัดหนึ่งซึ่งต้องขึ้นเขา-ลงเขาชันมาก ในขณะนั้นเองรถเกิดเสียกลางทาง พอเปิดดูห้องเครื่องก็ทราบว่ามีท่ออะไรอย่างหนึ่งชำรุด (ซึ่งผมก็จำไม่ได้ว่าอะไร) ในขณะที่จอดรถอยู่ก็หันไปเห็นมีบ้านหลังหนึ่ง ก็เดินไปสอบถามว่าพอมีท่ออะไรที่ใช้ทดแทนกันได้บ้างไหม ก็เป็นความโชคดีที่เจ้าของบ้านหลังนั้นได้นำท่ออะไรบางอย่างให้ลองไปใส่ดู ปรากฏว่าสามารถใส่ได้พอดีและสามารถขับรถลงเขาไปหาร้านซ่อมได้เป็นที่เรียบร้อย (วิศวกรท่านนี้เชื่อว่าเป็นพุทธคุณ-บารมีของพระสมเด็จยอดขุนพลองค์นี้ที่ห้อยไว้)